วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

คู่กรรม เดอะ มิวสิคัล (Koogam on screen)


     วันเสาร์ที่ผ่านมา  (18 กันยายน  2553) ได้มีโอกาสไปเยือนที่โรงละคร  M  Theatre  อีกครั้งหนึ่ง  หลังจากที่ไปมาก็หลายครั้งแล้ว  555+  ในวันนี้ได้ไปดูละครเวที  เรื่อง  คู่กรรมเดอะมิวสิคัล  ในรูปแบบบันทึกการแสดงสด  On Screen  ซึ่งจัดฉายโดย  Dreambox  เจ้าเก่า  คราวนี้เราไปดูการแสดงกันที่  Blue  Box  Strdio  ความจุประมาณ  80  ที่นั่งได้สบาย ๆ คู่กรรม  เป็นบทประพันธ์ของ  ทมยันตี  บทละครและเนื้อเพลง  คุณดารกา  วงศิริ  กำกับการแสดงโดยพี่ลิงเจ้าเก่า  คุณสุวรรณดี  จักราวรวุธ  กำกับดนตรีและประพันธ์ทำนองโดย  คุณไกรวัล  กุลวัฒโนทัย  ร่วมด้วย  คุณพลรักษ์  โอซกะ  และ  พี่ไก่  คุณสุธี  แสงเสรีชน  เรียบเรียงเสียงประสาน  และ  ควบคุมวงดนตรี  โดย  คุณดำริห์  บรรณวิทยกิจ / นพ  ประทีปเสน  คู่กรรม  เดอะ  มิวสิคัล นำแสดงโดย Seigi  Ozeki  ซึ่งรับบทเป็น  โกโบริ  ชายที่มีรักแท้และมั่นคงในคำสัญญา  คุณน้ำมนต์  รับบท  อังสุมาลิน  หญิงใจแกร่งที่กว่าจะรู้ใจตัวเองก็สายเกินไป

     โดยส่วนตัวแล้วชอบนวนิยายเรื่องนี้มากมาย  อ่านทีไรร้องไห้ได้ทุกครั้ง  พอมาเป็นละครทีวีทางช่อง  7 นำแสดงโดยพี่เบิร์ด  และน้องกวาง  ก็ยังซาบซึ้งเหลือหลาย  จำได้ว่าถ้าคู่กรรมเล่นเมื่อไรถนนจะว่างทันที...หุ...หุ  ยิ่งตอนจบ  โกโบริกำลังจะตายด้วยแล้ว  แม่ค้าเลิกขายของกันเลยทีเดียวค่ะ  น้ำตาท่วมจอ 


     พอ DB จับนวนิยายเรื่องนี้มานำเสนอในรูปแบบละครเวที  ไม่มีบทพูดเลย  เล่าเรื่องราวด้วยบทเพลงตลอดเรื่องก็ยิ่งน่าติดตาม  แต่ยอมรับเลยค่ะว่าไม่ได้ดู  เสียดายมากจนถึงวันนี้  (เนื่องจากเมื่อก่อนไม่เปิดตัว  ไม่รับรู้โลกภายนอก  ทำให้พลาดโอกาส ดี ๆ นี้ไป)  และแล้ววันหนึ่งเทวดาก็ลใจให้พี่ลิงนำ  คู่กรรม เดอะ มิวสิคัล มาฉายในรูปแบบของบันทึกการแสดงสด  Koogam  on  screen  ก็เลยไม่มีคำว่าลังเลอีกแล้วในหัวสมอง  จัดการให้เพื่อนช่วยจองตั๋วให้ทันที  ฉันจะไม่ยอมพลาดอีกแล้ว  (ต้องขอบคุณทิพย์มาก ๆ เลยจ้า)

     วันนั้นโชคดีที่พี่ลิงก็ยังไม่ได้ดูด้วยเหมือนกัน  ก็เลยเข้าไปนั่งดูด้วยกัน  รวมทั้ง  ปิ๊ก  และหมู่มวลของคู่กรรมหลายคน  ภาพชัด  เสียงเพราะ  ทุกอย่างลงตัวนะ  ในความรู้สึกของฉัน  น้ำตายังตกอยู่เหมือนเดิม ไม่รู้ว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร ทุกคนเก่งมาก ๆ โดยเฉพาะพระเอกของเรื่อง  Seigi  Ozeki  มีความพยายามมาก ๆ ในการร้องเพลงเป็นภาษาไทย  ตอนนั้น  Seigi เพิ่งจะมาเมืองไทยใหม่ ๆ มีเวลาซ้อมแค่ประมาณ 2 เดือน ทำได้ถึงขนาดนี้ทึ่งในความพยายามจริง ๆ แต่คนที่อดทน  ฮึด  อึด  และพยายามมากที่สุดเห็นจะเป็น  พี่ลิง  ผู้กำกับคนเก่งของเราที่เคี่ยวพระเอกจนเกือบจะไหม้ซะเลย  ทำให้คนญี่ปุ่นที่พูดและฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง  สามารถมาเล่นละครเพลงไทยได้ดีขนาดนี้  ยกนิ้วโป้งให้  2  นิ้วเลยค่า

     แต่น่าเสียดายมาก ๆ ที่  พี่ลิง  ไม่ยอมใจอ่อน  นำ  คู่กรรม  เดอะ  มิวสิคัล  มาลงแผ่นให้พวกเราได้จับจองเป็นเจ้าของกัน อ้อนก็แล้ว ขู่ก็แล้ว  เหลือแต่บีบคอที่ยังไม่ได้ทำ  555+  แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ  วันเกิดของคู่กรรม  เดอะ  มิวสิคัลเมื่อไรก็จัดฉายให้พวกเราได้ดูกันให้หายคิดถึงก็ได้ค่ะ  (จะได้ดูว่าตอนเด็ก ๆ หน้าตานักแสดงเป็นยังไง)

     ประทับใจค่ะ  ชอบมาก ๆ ๆ ๆ มันเป็นเรื่องราวจริง ๆ ละครเวทีเรื่องนี้  ต้องใช้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความสามารถ ความอดทน ฮึด อึด แรงกาย แรงใจ และกำลังใจ และผลที่ได้รับกลับมาก็คือ  คุ้มค่าจริง ๆ ค่ะ  ขอบคุณ  Dreambox ขอบคุณพี่ลิง  ขอบคุณพี่ไก่ ขอบคุณ Seigi  ขอบคุณ คุณน้ำมนต์ ขอบคุณทีมงานและนักแสดงทุก ๆ ท่านที่ทำให้เกิด คู่กรรม เดอะ  มิวสิคัล ขึ้นมาในวันนี้  ทุกฉาก  ทุกตอน  ทุกเนื้อร้อง  ทุกทำนอง  เปี่ยมไปด้วยความพยายาม  อดทน  ทุ่มเทอย่างเต็มที่  ขอบคุณจากใจค่ะ








วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

อำนาจ

     อำนาจ  คำนี้เป็นคำที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝัน  และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา  ซึ่ง  อำนาจ  ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่  น่าเกรงขาม แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ซึ้งถึงการใช้  อำนาจ  อย่างถูกต้อง  ไม่หลงระเริงกับมัน  ไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด  ส่วนใหญ่แล้วเมื่อคนมีอำนาจ  ก็จะมีความลุ่มหลงในอำนาจนั้นว่าเป็นสิ่งล้ำเลอค่า  สามารถบรรดาลได้ทุกสิ่งที่ตนเองต้องการ  ทำให้คนใช้  อำนาจ  ในทางที่ผิด  ใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเองใช้  อำนาจ  เพื่อกลั่นแกล้งหรือซ้ำเติมผู้ที่ด้อยกว่า  ใช้อำนาจเหยียบย่ำผู้อื่น  แต่อำนาจก็มีวาระ  มีอายุการใช้งานเหมือน ๆ กับอาหารที่เรารับประทานกันอยู่ทุก ๆ วัน  ย่อมมีวันหมดอายุ  แล้วเมื่อหมด  อำนาจ  เมื่อไร  ท่านก็จะรู้ว่าข้าง ๆ กายท่านมีใครอยู่บ้าง  มิตร  หรือ  ศัตรู  และเมื่อนั้น  ท่านก็จะได้รับผลจากการที่ท่านใช้  อำนาจ  มาตลอดอายุการใช้งาน...

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

ความยุติธรรม

     ความยุติธรรม  คำนี้และสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทุก ๆ คนต้องการ  และอยากให้เกิดขึ้นในทุก ๆ สถานการณ์  ทุก ๆ สังคม  ฉันอยากรู้ว่าบรรทัดฐานของความยุติธรรมอยู่ที่ไหน  เรื่องราวที่ฉันพบ  และผ่านเข้ามาในชีวิตนั้นให้คำตอบของบรรทัดฐานของความยุติธรรมได้แค่ว่า 

     ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราเป็นฝ่ายไหน  ถ้าเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ  ความยุติธรรมที่เรียกร้องย่อมมาจากพื้นฐานความต้องการที่ตนเองอยากได้  อยากมี  อยากเป็นเมื่อไม่ได้รับการสนองตอบ  หรือได้รับการสนองตอบแต่ไม่ตรงกับที่ตัวเองอยากได้ก็แสดงว่าไม่ยุติธรรม

     ส่วนบรรทัดฐานของความยุติธรรมที่มาจากการที่เราเป็นฝ่ายกระทำ  หรือเป็นฝ่ายให้  ย่อมมาจากความพึงพอใจที่จะให้  ฉันให้ได้แค่นี้นะ  สำหรับเธอฉันให้ตั้งขนาดนี้แล้วยุติธรรมดีแล้วสำหรับเธอ  เหมาะสมดีแล้ว  ถ้าเธอเรียกร้องมากกว่านี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับฉัน  (ประมาณว่าฉันไม่เสียผลประโยชน์มาก) ซึ่งในความเป็นจริงแล้วฉันอยากถามว่า  จริง ๆ แล้วความพอดีของความยุติธรรมมันอยู่ตรงไหนกันแน่  มันเป็นสิ่งที่ฉันยังไม่เข้าใจอยู่ดี  และก็คงจะต้องค้นหาคำตอบกันต่อไปเหมือนหนังเรื่องยาวที่ยังไม่มีตอนจบ...


วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

ละครเวทีเรื่องแรกในชีวิต

    
      เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (4ก.ย. 53) ช่วงค่ำ ๆ  19.30 น. มีโอกาสไปดูละครเวทีเรื่อง  น้ำใสใจจริงเดอะมิวสิคัล โดยน้ำใสใจจริงนี้เป็นนวนิยาย  ประพันธ์โดยคุณ  ว.วินิจฉัยกุล จัดโดย  Dreambox  ที่โรงละคร M Theatre 
     ซึ่งมาจองบัตรไว้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน รวมทั้งมีโอกาสไปงานแถลงข่าวเปิดตัวละครเวทีเรื่องนี้มาด้วย  ซึ่งถือได้ว่าละครเวทีเรื่องนี้เป็นละครเวทีเรื่องแรกที่ตัดสินใจไปดู  ยอมรับว่ามีเหตุผลหลายเหตุผลที่ตัดสินใจไปดูละครเรื่องนี้ 

     ประการแรกคือค้องการไปให้กำลังใจทีมงานและศิลปินทุก ๆ คนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดทำผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา  ถ้านับกันจริง ๆ รายชื่อคงจะยาวเหยียด  เท่าที่พอจะนับได้ก็มีดังต่อไปนี้
     1.  บทละครและคำร้อง                        คุณดารกา        วงศ์ศิริ  
     2.  กำกับและประพันธ์ดนตรีโดย  พี่ไก่  คุณสุธี             แสงเสรีชน
     3.  กำกับการแสดงโดย               พี่ลิง  คุณสุวรรณดี     จักราวรวุธ
     4.  พี่ ๆ ทีมงาน  DB อีกมากมาย
     มาดูทางฝั่งศิลปินกันบ้าง  ก็มี  คุณตู่  ภพธร  สุนทรญาณกิจ , ปุยฝ้าย AF4 คุณณัฏฐพัชร  วิพัธครตระกูล ,
คุณนรินทร ณ บางช้าง , คุณศรัณย์ ทองปาน , คุณสมพล ปิยะพงศ์ศิริ , คุณพุทธชาติ จึงไพศาล , คัตโตะ ลิปตา  น้องบอย AF3 , น้องมิวสิค  AF4 , น้องกู๊ด AF4 , น้องชัย , น้องเอื้อ เอื้ออาทร , แล้วก็ที่ขาดเสียไม่ได้แอร์โฮสเตสคนสวย  น้องแอ๋ม  รวมทั้งอีกหลาย ๆ ชีวิตที่มาร่วมเป็นหมู่มวลของน้ำใสใจจริงเดอะมิวสิคัล อีกคนก็คือน้องมังคุด (ชื่อในเรื่อง) เรียกเสียงฮาได้ไม่แพ้ใคร

     ประการที่สองก็คือ  ต้องการทราบว่าละครเวทีเป็นยังไง  เดินเรื่องลักษณะไหน (เนื่องจากไม่เคยดูมาก่อนเลยในชีวิต) 

     หลังจากที่ได้ดูละครเรื่องนี้จนจบ  บอกได้คำเดียวว่าสนุกมาก  ประทับใจทุก ๆ ฉาก  ที่มากที่สุดก็เห็นจะเป็นฉากที่พระเอก  (โจม)  พานางเอก  (ครีม)  ไปดูสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งที่บ้านนอกมีเยอะแยะเลย...หุ...หุ  โดยการประสานความสัมพันธ์ของ เพื่อนนางเอก (อ้อม)  ซึ่งก๋ากั่นไม่ใช่เบา  แล้วก็ฉากที่น้องหมาบอยขออาศัยอยู่ในหอด้วย  ชอบค่ะ  อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเลย  รู้แต่ว่าจะเสียดายมาก ๆ ถ้าไม่ได้ดู 

     ละครเรื่องนี้ให้อะไรหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในชีวิตช่วงหนึ่งของพวกเราทุก ๆ คน ตั้งแต่เริ่มแสดงก็คือทุก ๆ คนมีพื้นฐานชีวิตที่ไม่เหมือนกัน  บางคนมาจากครอบครัวที่มีพร้อม  ดีพร้อม  ในขณะที่บางคนมาจากครอบครัวที่ค่อนข้างขัดสน  ทุก ๆ คนที่มาอยู่รวมกันในมหาวิทยาลัยฯ บ้านนอกนี้มีหลากหลายนิสัย บางคนเจ้าชู้ บางคนก๋ากั่น บางคนเรียบร้อย บางคนเอาแต่ใจ  ขาวีน บางคนธรรมะธรรมโม บางคนเก็บกด  อ่อนแอ  บางคนต้องการความเจริญก้าวหน้าในชีวิตและหน้าที่การงาน  ฯลฯ  ซึ่งในชีวิตจริง ๆ เราก็เจอคนแบบนั้นเหมือนกัน  สมัยเรียนเราชอบแหกกฎ  ระเบียบ  เริ่มมีความรักและแอบรัก  กังวลว่าผลสอบจะเป็นยังไง จีบสาว (หนุ่ม) แบบไหนจึงจะดี ความชอบของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่ทุก ๆ คนก็อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ดีกันบ้าง  ทะเลาะกันบ้าง  แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี

     ละครเรื่องนี้เหมือนกระจกเงาที่สะท้อนเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาสำหรับใครหลาย ๆ คน  รวมทั้งบอกถึงเรื่องราวในอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับน้อง ๆ อีกหลาย ๆ คนที่อยู่ในวัยเรียน  แต่ตอนนี้ความรู้สึกก็คือเริ่มจะรักละครเวทีซะแล้วสิเนี่ย...เรา...ขอขอบคุณทีมงานและศิลปินทุก ๆ ท่านที่ทุ่มเททั้งแรงกาย  แรงใจอย่างสุดความสามารถในทุก ๆ รอบของการแสดง  ขอบคุณที่ทำให้พวกเราได้นึกถึงอดีตที่ผ่านมาในวัยเรียนว่าเรามีความสุข  ความทุกข์อย่างไร  ต้องพยายามกันขนาดไหนกว่าจะประสบความสำเร็จ...ทุก ๆ สิ่ง...คือ...น้ำใสใจจริงที่พวกเรามอบให้แก่กัน...

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

บนท้องถนน

เมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตกทั้งคืน  ทั้งฝนและฟ้าคะนอง จนรุ่งเช้าก็ยังไม่หายตกทำให้ท้องถนนเละทางเท้าสัญจรเฉอะแฉะ  ทำให้เกิดความลำบากนิดหน่อยในการเดินทางไปทำงาน  ไปเรียนหนังสือ  หรือปฏิบัติภาระกิจอื่น ๆ ระหว่างที่รอรถเมล์อยู่ข้างทางฉันก็ได้เห็นถึง  จะเรียกว่าอะไรดีนะ  สุภาพหน่อยก็แล้วกัน  นิสัยในการใช้รถใช้ถนนของคนหลาย ๆ คน  ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีปะปนกันไปทั้งคนที่ใช้รถใช้ถนนด้วยความสุภาพ  เห็นอกเห็นใจคนเดินทางเท้า  แล้วก็พวกที่ไม่สนใจใคร ฉันจะใช้ความเร็ว  (เร็วมาก) ใครจะทำไม  น้ำฝนที่ค้างอยู่บนพื้นถนนจะกระเด็นโดนใครก็ช่าง  ฉันไม่สน  จะชนใครหรือเปล่า  ฉันไม่แคร์  ซึ่งพวกหลังเนี่ยจะมีหลายคนอยู่นะเนี่ย  ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะรีบไปไหนกันทั้ง ๆ ที่ฝนตกอยู่  เร่งเครื่องยนต์กระหึ่มแถมยังเร็วอีกต่างหาก  อีกทั้งบริเวณที่ฉันรอรถเมล์อยู่ก็เป็นหน้าโรงเรียนด้วย เด็ก ๆ กำลังเดินเท้า  และลงจากรถเมล์  เพื่อเดินเข้าไปในโรงเรียน  บางพวกก็กำลังข้ามถนน  ถ้าคนขับคิดสักนิดว่าหากเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนคนเดินถนนเข้า  จะเป็นอย่างไร ถนนเป็นของทุกคน  เป็นทรัพย์สินสาธารณะ  ซึ่งสร้างมาจากภาษีของประชาชนทุก ๆ คน  เพราะฉะนั้น  ทุกชีวิตมีสิทธิ์ที่จะใช้ถนนได้อย่างสะดวก  สบาย และปลอดภัยค่ะ  ผู้ใช้รถทั้งหลายกรุณามีน้ำใจกันสักนิด..เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุขค่ะ

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

"เงิน" สำคัญ (จริงหรือ?)

          "เงิน"  ใคร ๆ ก็รู้ว่าสำคัญมากในการดำรงชีวิต  ฉันก็คิดแช่นนั้นเหมือนกัน  และก็คงเหมือนกับคนอีกหลาย ๆ คนบนโลกนี้  ถ้าไม่มีเงิน  ก็ไม่มีชีวิตที่ดี  แต่จะมีใครสักกี่คน  ที่สามารถมีเงินซื้อทุก ๆ อย่างที่ตัวเองต้องการได้  ฉันเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า  "เงิน"  เป็นสิ่งสำคัญ  แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า  "เงิน"  สำหรับฉันก็คือ  "เพื่อนรู้ใจ"  แล้วก็  "ความจริงใจ"  ไม่ว่าฉันจะมี  "เงิน"  มากมายขนาดไหน  (อย่าเข้าใจผิดนะคะ  ฉันไม่ได้มีเงินมากมายเลยซักกะติ๊ดนึง  555+)  ฉันก็ไม่สามารถซื้อ  "เพื่อนรู้ใจ"  และ  "ความจริงใจ"  ได้เลย  ทราบมั้ยคะว่าทั้ง  2  สิ่งนี้จะหามามีไว้ในครอบครองได้อย่างไร  ค่ะ  2  สิ่งนี้เราจะได้มาไว้ในครอบครองก็ต่อเมื่อ เรามีน้ำใจและความเสมอต้นเสมอปลายให้แก่กัน  ให้ความช่วยเหลือกัน  คอยประคับประคอง  ดูแล  เอาใจใส่  เป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน  ยืนอยู่เคียงข้างกันและกันเมื่อมีทุกข์  มีอุปสรรค  คอยผลักดัน  ส่งเสริมให้พบเจอแต่สิ่งดี ๆ คอยส่งสายตาแสดงความยินดีให้แก่กันและกันเมื่อประสบความสำเร็จ  คอยซับน้ำตาให้กันและกันยามที่พ่ายแพ้  ไม่ว่าเราจะสุขหรือทุกข์คน ๆ นี้จะอยู่เคียงข้างเราเสมอ  ซึ่งสิ่งพวกนี้ที่ยกตัวอย่างมามันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก ๆ บางคนโชคดีมีเพื่อนรู้ใจหลายคน  ในขณะที่บางคนมีเพื่อนรู้ใจเพียงแค่คนเดียว  และในขณะเดียวกันที่คนอีกหลาย ๆ คนไม่เคยพบกับเพื่อนรู้ใจและความจริงใจเลยในชีวิต  ไม่ไว้ใจใคร  ไม่ยอมใคร  ฉันอยากถามเขาเหลือเกินว่าเค้ามีความสุขไหม  สำหรับฉันเงินเป็นสิ่งสำคัญก็จริง  แต่เพื่อนรู้ใจกับความจริงใจสำคัญกว่าค่ะ...ยืนยัน...ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีเงินมากมายล้นฟ้า...ถึงแม้ว่าฉันจะมีเพื่อนรู้ใจที่มากด้วยความจริงใจเพียงแค่ไม่กี่คน...สำหรับฉันแค่นี้ก็ทำให้ฉันมีความสุขมากมายแล้วค่ะ